อาถรรพ์ทำประตูในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้ เล่นงานแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนได้ บียาร์เรียล กลายเป็นหอกข้างแคร่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยบุกมายันเสมอ 0-0 ได้ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ผลการแข่งขันทำให้ความหวังที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปของปิศาจแดง ต้องขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันในนัดสุดท้ายที่จะไปเยือนเบนฟิก้า ในเดือนหน้า
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไปเยือนประเทศโปรตุเกส ในวันที่ 7 ธันวาคม และเพียงชัยชนะเท่านั้นที่จะรับรองได้ว่าพวกเขาจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป แม้ว่าพวกเขาก็สามารถผ่านเข้ารอบได้หากทำได้แค่เสมอ แต่บียาร์เรียล ต้องชนะลีลล์
ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ ครองเกมในครึ่งแรกได้หมด แต่ไม่สามารถทำประตูได้ทั้งๆ ที่น่าจะทำได้ แผนการเล่นที่ทำให้เกมหยุดบ่อยของบียาร์เรียล ในครึ่งหลังและการที่ปิศาจแดง ไม่สามารถทำประตูที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ทำให้เป็นอีกเกมที่ทำอะไรกันไม่ได้
เกมนี้เป็นเกมเหย้าเกมแรกหลังจากการจากไปของรอย คีน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แฟนบอลเจ้าถิ่นร้องเรียกชื่อของเขาตลอดทั้งเกม แต่เสียงร้อง ‘ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด ยูไนเต็ด’ ก็ไม่ได้จางหายไปเลย ไม่มีนักเตะคนใดที่จะใหญ่กว่าสโมสรได้ แต่การจากไปของคีน กระตุ้นให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องหาผู้มาสืบทอดตำแหน่งให้ได้
ถ้านักเตะไอริชผู้นี้เป็นจอมทัพคนสำคัญของทีมตั้งแต่ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมเมื่อปี 1997 จอมทัพคนใหม่ก็เริ่มฉายแววแล้วในนามของเวยน์ รูนี่ย์
รูนี่ย์ เป็นคนสร้างสรรค์เกมให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คอยมองหาที่ว่างเพื่อจะสร้างอันตรายแก่ทีมเยือน เขามีศักยภาพในการเป็นจอมทัพที่ทรงอิทธิพลในเกมแบบเดียวกับนักเตะรุ่นก่อนหน้าอย่างเช่น คีน, คันโตน่า และร็อบสัน สิ่งที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ก็คือความสามารถของเขาในการบงการเกม, สร้างสรรค์เกมรุก และกระตุ้นกองเชียร์
ในขณะที่คีน จะแสดงออกโดยคำพูดกระตุ้นลูกทีม หรือการเข้าสกัดอย่างดุดัน แต่รูนี่ย์ ให้ฝีเท้าของเขาในการแสดงออก และสามารถเปลี่ยนรูปเกมด้วยการใช้เวทมนตร์ของเขาเพียงไม่กี่จังหวะ
ดาวยิงวัย 20 ปีผู้นี้เป็นตัวแทนของผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในครึ่งแรกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น และความคิดสร้างสรรค์
โรนัลโด้ นักเตะคนสำคัญอีกคนหนึ่งในทีมที่สร้างขึ้นใหม่ที่เฟอร์กูสัน กล่าวถึงในการแถลงข่าวก่อนเกม ลากเลื้อยขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ปล่อยให้โรเค่ร์ และฆาวี่ เบนต้า ไล่ตาม ก่อนที่โยนด้วยเท้าซ้าย บอลลอยมาเข้าทางรูนี่ย์ ซึ่งหลอกว่าจะยิง ก่อนจะเดาะบอลข้ามหัว กอนซาโล่ แต่โชคไม่ดีที่ลีลาอันสุดยอดของเขาไม่ทำให้ได้ประตู บาร์โบซ่า ผู้รักษาประตูของบียาร์เรียล สามารถเซฟเอาไว้ได้
และก็เป็นอีกครั้งที่ปิศาจแดง เกือบจะได้ประตูในอีก 10 นาทีต่อมา เมื่อได้ลูกเตะมุม สโคลส์ เปิดบอลพุ่งเข้ามา และเป็นโรนัลโด้ ที่ได้โหม่งเต็มๆ แต่บอลลอกข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะดูอันตรายมากในเกมรุก แต่ก็ยังทำประตูไม่ได้
ทีมจากสเปน ซึ่งขาดนักเตะตัวหลักไปหลายคนทั้งฮวน โรมัน ริเคลเม่ และดิเอโก้ ฟอร์ลัน อดีตกองหน้าของปิศาจแดง ไม่สามารถบุกกดดันแผงหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มากนัก
บียาร์เรียล ได้โอกาสแต่ก็ทำเสียเปล่าไป ลูเซียโน่ ฟิเกรัว หรือ “ลูโช่” กองหน้าล้มลงหน้ากรอบเขตโทษทั้งๆ ที่ไม่ได้ถูกสกัดโดนตัวเลยแม้แต่น้อย จังหวะนี้ทำให้มิเกล ซิลแวสตร์ ได้รับใบเหลืองไป และเป็นลูกฟรีคิกของบียาร์เรียล ที่ไม่สมควรจะได้เลย แต่ความยุติธรรมยังมีอยู่โรเค่ร์ ยิงฟรีคิกลูกนี้ไปติดกำแพง
ลูโช่ รวมทั้งนักเตะของบียาร์เรียล หลายๆ คน คงจะชื่นชอบพื้นหญ้าในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นแน่ เพราะเขาล้มลงไปนอนอีกแล้ว เฟอร์ดินานด์ เข้าสกัดหนัก แต่กองหน้าของบียาร์เรียล ก็แสดงลีลากลิ้งไปไกลเกินความจำเป็น
แต่ประตูเท่านั้นที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการเพื่อจะขึ้นนำบียาร์เรียล ที่เอาแต่ทำให้เกมเสีย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เคยถล่มเดเบรเซ่น ไป 3-0 ในเกมนัดแรกของฤดูกาลนี้ ปิศาจแดง ก็ทำประตูไม่ค่อยได้เมื่อลงเล่นในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีเพียงนัดเดียวที่เอาชนะเบนฟิก้า ไป 2-1 ที่ทำได้มากกว่า 1 ประตู มีหลายครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ในฤดูกาลนี้
เกมผ่านไป 1 ชั่วโมง เฟอร์กูสัน ก็เห็นว่าทีมของเขาจำเป็นต้องมีนักเตะลงไปกระตุ้นเพิ่มอีก เขาเปลี่ยนเอาเฟล็ตเชอร์ ที่เล่นทางด้านขวาออก แล้วให้ปาร์ค จีซุง ที่กระตือรือร้นกว่าลงไปเล่นแทน
และมันก็เกือบจะได้ผลในทันที รูนี่ย์ และปาร์ค ทำชิ่งกันก่อนที่ปาร์ค จะได้โอกาสยิงในกรอบเขตโทษ แต่ทีมจากสเปนก็แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน โดยมีกองหลังพุ่งเข้าไปขวางเอาไว้ได้ ก็เหมือนกับที่ลีลล์ เคยทำเมื่อเดือนตุลาคม บียาร์เรียล ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หงุดหงิด และพยายามบีบพื้นที่ทีมของเซอร์ อเล็กซ์
แผนการเล่นถ่วงเวลาของทีมเยือนแทบจะไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่มีการเข้าสกัดจะมีการถ่วงเวลานาน มันทำให้ทั้งนักเตะและแฟนบอลเจ้าบ้านหงุดหงิด จอห์น โอเชีย และรูนี่ย์ เผชิญหน้ากับโซริน และทัคคินาร์ดี้ หลังจากการแกล้งตบตาผู้ตัดสิน และการเข้าสกัดกลางอากาศที่หนักหน่วง ตามลำดับ แต่ปิศาจแดง ต้องใจเย็นลง
ความหงุดหงิดยังคงดำเนินต่อไป ในนาทีที่ 75 โอเชีย ได้เปิดบอลเข้าไป แต่มันแรงเกินกว่าที่ฟาน นิสเตลรอย จะเล่นได้ โดยก่อนหน้านี้ เวส บราวน์ และโรนัลโด้ ก็เปิดแรงไปเหมือนกัน
เซอร์ อเล็กซ์ ทำการเปลี่ยนตัวอีก แกรี่ เนวิลล์ และหลุยส์ ซาฮา ได้กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากได้รับอาการบาดเจ็บหายไปนาน โดยลงมาแทนบราวน์ และอลัน สมิธ ตามลำดับ กองหน้าชาวฝรั่งเศสโหม่งบอลต่อไปข้างหน้าให้กับรูนี่ย์ แต่ดาวยิงวัย 20 ปีกลับซัดลูกนี้เหินข้ามคานออกไปนิดเดียว ความหวังของปิศาจแดง ที่จะคว้าชัยชนะเริ่มหมดลง
เกมเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้โอกาสจากลูกฟรีคิกหลังจากปาร์ค ถูกทำฟาว์ล กองเชียร์บนอัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ ร้องเรียกให้รูนี่ย์ เป็นคนยิง แต่รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่เล่นอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยมาตลอดในเกมนี้ ขอจัดการเอง แต่ลูกยิงของเขาไปแฉลบกำแพงออกหลังกลายเป็นลุกเตะมุม แต่ในกรอบเขตโทษเต็มไปด้วยนักเตะเสื้อเหลืองทำให้ลูกโยนเข้าไปไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นในบ้านทำได้แค่เสมอกับบียาร์เรียล ไป 0-0 ทำให้ปิศาจแดง ยังอยู่ในอันดับที่ 3 ของกลุ่ม ดี ต้องไปลุ้นในนัดสุดท้ายว่าจะได้เข้ารอบต่อไปหรือไม่ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27 ( น. 37)
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
พอล สโคลส์ 18 ( น. 57)
เวย์น รูนี่ย์ 8
อลัน สมิธ 14
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 83)
สำรอง
ทิมโฮเวิร์ด 1
แกรี่ เนวิลล์ 2 น. 73 เวส บราวน์ 6
ปาร์ค จีซุง 13 น. 53 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
เชราร์ด ปิเก้ 28
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
หลุยส์ ซาฮา 9 น. 82 อลัน สมิธ 14
บียาร์เรียล
มาเรียโน่ บาร์โบซ่า 25
โรดอลโฟ อาร์รัวบาร์เรน่า 3
โรดริเกซ ฆาวี เบนต้า 17
ฮวน มานูเอล พีน่า 22
กอนซาโล่ โรดริเกซ 2
ฮวน ปาโบล โซริน 12
โรเค่ร์ 10
มากอส เซนน่า 19 ( น. 56)
อเลสซิโอ ทัคคินาร์ดี้ 18 ( น. 57)
ลูเซียโน่ ฟิเกอรัว 9
โฆเซ่ มารี่ 23
สำรอง
เซบาสเตียน วิเอร่า 13
ซีซาร์ อาร์โซ่ 4
ซานติอาโก้ กาซอร์ล่า 21
เฮ็คเตอร์ ฟอนต์ 14 น. 66 โรเค่ร์ 10
โฆซิโก้ 6 ( น. 85) น. 78 อเลสซิโอ ทัคคินาร์ดี้ 18
แยน ครอมแคมป์ 15
ซิสโก้ นาดาล 26 น. 87 ลูเซียโน่ ฟิเกอรัว 9
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 8, ลูกยิงโดนบล็อค 1, เตะมุม 7, ฟาวล์ 23, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 55.1 %
บียาร์เรียล ยิงตรงกรอบ 1, ลูกยิงโดนบล็อค 4, เตะมุม 2, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 3, การครองบอล 44.9 %
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, เวส บราวน์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8, มิเกล ซิลแวสตร์ 7, จอห์น โอเชีย 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 6, พอล สโคลส์ 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, อลัน สมิธ 6, เวย์น รูนี่ย์ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 6, แกรี่ เนวิลล์ (สำรอง) 6, หลุยส์ ซาฮา (สำรอง) 6, ปาร์ค จีซุง (สำรอง) 7
บียาร์เรียล มาเรียโน่ บาร์โบซ่า 7, โรดริเกซ ฆาวี เบนต้า 6, กอนซาโล่ โรดริเกซ 9, ฮวน พีน่า 7, โรดอลโฟ อาร์รัวบาร์เรน่า 7, ฮวน ปาโบล โซริน 7, โรเค่ร์ 6, อเลสซิโอ ทัคคินาร์ดี้ 6, มาร์กอส เซนน่า 7, ลูเซียโน่ ฟิเกอรัว 6, โฆเซ่ มารี 6, โฆซิโก้ (สำรอง) 6, เฮคเตอร์ ฟอนต์ (สำรอง) 6, ซิสโก้ นาดาล (สำรอง) 6
Por